วันที่ 26 พฤศจิกายน 2566 เวลา 09.00 น. ศาสตราจารย์ ดร.ธวัชชัย ศุภดิษฐ์ รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนครพนม พร้อมคณะผู้บริหาร และบุคลากร ต้อนรับ พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง ประธานคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา พร้อมคณะของกรรมาธิการ ในโอกาสลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยนครพนม ณ ห้องพนมเมธี ชั้น 5 อาคารสารสนเทศเพื่อการบริหาร สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยนครพนม (เขตพื้นที่ศรีโคตรบูรณ์) ต.ขามเฒ่า อ.เมือง จ.นครพนม

ที่ประชุมวันนี้มีการหารือแนวทางความร่วมมือในกิจกรรม ระหว่างมหาวิทยาลัยนครพนมและมูลนิธินวัตกรรมเพื่อชุมชน เพื่อนำนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาพัฒนาชุมชนและสังคม พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง กล่าวว่า หลักสูตรการศึกษาในปัจจุบันจะต้องสอดคล้องกับวิถีใหม่ และจะต้องพัฒนาหลักสูตรให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลก อย่างปัจจุบัน กระแสที่จะได้รับความนิยม คือ ด้านสุขภาพ ด้านการเกษตร ด้านอาหาร ด้านการท่องเที่ยว ด้านการบิน โดยในแต่ละด้านต้องนำนวัตกรรมมาร่วมใช้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อความต้องการในปัจจุบัน การเสริมทักษะให้กับผู้เรียนถือเป็นสิ่งสำคัญที่มหาวิทยาลัยจะต้องปรับตัว เพื่อให้เกิดความเสมอภาคทางด้านการศึกษากับคนในทุกระดับ ทั้งคนที่หลุดจากระบบการศึกษา หรือกลุ่มคนที่มีความต้องการเปลี่ยนอาชีพใหม่ หากดึงกลุ่มคนเหล่านี้เข้ามาพัฒนาทักษะเพิ่มเติม จะเกิดเครือข่ายทางการศึกษามากขึ้น หรือการบูรณาการร่วมกันกับชุมชนเพื่อพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้เกิดเป็นนวัตกรรมใหม่ ก็ถือเป็นการพัฒนาระบบเศรษฐกิจในชุมชนไปในตัว

ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.ธวัชชัย ศุภดิษฐ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยให้ความสำคัญในด้านการศึกษาโดยเฉพาะทักษะอาชีพ คนที่สำเร็จการศึกษาจะต้องมีงานทำและมีความสุขในสายงานของตนเอง อีกมิติหนึ่งที่มหาวิทยาลัยกำลังดำเนินการขับเคลื่อนไปพร้อมกัน คือ ด้านเศรษฐกิจ ซึ่งนครพนมตั้งอยู่ในยุทธศาสตร์ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ที่อนาคตเส้นทางการขนส่งจะสะดวกมากขึ้นจากประเทศจีนเข้ามายังประเทศลาว หากเราสามารถผลิตสินค้าในหมวดของการเกษตรได้คุณภาพที่หลากหลาย เก็บรักษาได้นานขึ้น จะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของนครพนม เกิดการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมของอีสานตอนบน หรือจะเป็นด้านการท่องเที่ยว โดยจากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พบว่า เมื่อปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเข้ามายังจังหวัดนครพนมมากถึง 1.5 ล้านคน โดยส่วนใหญ่มีความสนใจในด้านประเพณี วัฒนธรรม อาหาร และความเชื่อ หากส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมที่สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ในด้านองค์ความรู้จะเป็นประโยชน์สูงสุด ส่วนด้านสุขภาพ ประเทศไทยเรากำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แน่นอนว่าการรักษาของโรงพยาบาลสุขภาพไม่เพียงพอ การเพิ่มศูนย์ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุจะตอบโจทย์สังคมในพื้นที่ รวมถึงการผลิตบุคลากรทางด้านสุขภาพให้เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินงานร่วมมือกับหน่วยงานหลาย ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

การพูดคุยหารือในครั้งนี้ ยังมีหลายประเด็นที่มหาวิทยาลัยนครพนมได้นำเสนอข้อมูล พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งส่วนใหญ่ทางคณะกรรมาธิการเห็นด้วยในภารกิจของมหาวิทยาลัยที่จะดำเนินงาน และพร้อมสนับสนุนความร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัย ทั้งนี้ ทางคณะกรรมาธิการจะได้นำข้อสรุปจากการพูดคุย เสนอไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเด็นในลำดับต่อไป

ภาพ/ข่าว : พัฒนะ พิมพ์แน่น