[Scoop] “ปลาตากแห้งลุ่มน้ำสงคราม” ภูมิปัญญา วิถีชีวิต และงานวิจัยที่เชื่อมคนกับสายน้ำ
นายพัฒนะ พิมพ์แน่น 2025-08-22 16:18:23 120
ลำน้ำสงครามที่ทอดยาวไหลผ่าน อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม พื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เส้นเลือดหล่อเลี้ยงชุมชน หากยังเป็น “แรมซาร์ไซต์” พื้นที่ชุ่มน้ำโลกที่ 15 ของประเทศไทย ที่อุดมด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งสัตว์น้ำ พืชพรรณ และระบบนิเวศที่เกื้อหนุนผู้คนมาหลายชั่วอายุคน
เสียงเรือหางยาวแล่นแหวกผิวน้ำ ปลายแหถูกฟาดลงกลางลำน้ำคือภาพที่คุ้นตา วิถีชาวประมงพื้นบ้านยังคงดำเนินควบคู่ไปกับทำนา อาชีพหลักของคนส่วนใหญ่ที่นี่ ในบางชุมชนอย่างปากยาม ท่าบ่อ และยางงอย การหาปลาคือหัวใจของการยังชีพ และจากปลาสดในยามเช้า สู่ “ปลาตากแห้ง” ที่แขวนอยู่บนราวไม้ไผ่ในยามบ่าย คือตัวอย่างของภูมิปัญญาที่แปรวิถีชีวิตให้เป็นเศรษฐกิจ
งานวิจัยเพื่อชุมชน: จากปลาสดสู่ปลาตากแห้ง
ผศ.ดร.นุชรัตน์ มังคละคีรี หัวหน้าโครงการวิจัย “การยกระดับห่วงโซ่คุณค่าของห่วงโซ่อุปทานปลาตากแห้งน้ำสงครามตอนล่าง” ภายใต้การสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองส่งเสริม ววน.) และ บพท. เล่าว่า งานวิจัยนี้ไม่ได้ทำเพื่อตัวเลขในรายงาน แต่คือการ “ลงไปคุยกับชาวบ้าน” เพื่อแก้ปัญหาที่แท้จริง
“สิ่งที่เราเห็นคือ ปลาสดที่ควรเป็นวัตถุดิบกลับไหลออกไปสู่พ่อค้าคนกลาง รายได้ของชุมชนหายไป เราเลยคุยกับ 5 พื้นที่ ได้แก่ ปากยาม สามผง ท่าบ่อ ยางงอย และศรีเวินชัย เพื่อจัดตั้งตลาดปลาสดของตัวเอง ให้ปลาที่จับได้หมุนเวียนสร้างรายได้ในพื้นที่ และนำมาแปรรูปต่อยอดเป็นปลาตากแห้ง”
ผลคือ เกิดกลไกรวบรวมผลิตภัณฑ์จากผู้ประกอบการในแต่ละชุมชน พร้อมหาช่องทางตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยยังคงย้ำหลักการสำคัญว่า “ปลาที่ขายต้องมาจากน้ำสงครามเท่านั้น” เพราะเอกลักษณ์ของปลาที่นี่ คือ รสชาติไม่คาว ไร้กลิ่นโคลน
ความห่วงใยที่มากกว่ารายได้
ทว่า งานวิจัยนี้ไม่เพียงแต่สร้างตลาด หากยังวางรากฐานของการอนุรักษ์ไว้ด้วย ทุกครั้งที่มีการขายสินค้า จะหักรายได้ 1% คืนกลับไปเป็นกองทุนอนุรักษ์พันธุ์ปลาเพื่อไม่ให้การจับปลาเกินขีดสมดุล
การสำรวจพันธุ์ปลาครั้งล่าสุดยังสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลง ในปี 2540 เคยมีการบันทึกไว้ถึง 148 ชนิด แต่การสำรวจในปีล่าสุด พบเพียง 98 ชนิด แม้จำนวนจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนที่ชุมชนไม่อาจเพิกเฉย
เรื่องเล่าจาก “แม่แบม-แม่บึ้ม”
บ้านไม้เรียบง่ายในยางงอย กลายเป็นโรงงานแปรรูปขนาดย่อมของครอบครัว “แม่แบม-แม่บึ้ม” กลิ่นหอมของเกลือสินเธาว์เก่าแก่จากบึงกาฬผสมกับกลิ่นปลาสดที่เพิ่งถูกชำแหละลอยคลุ้ง
“เราล้างปลา 2-3 รอบ หมักกับเกลือคุณภาพที่ต้องต้มนานกว่า 12 ชั่วโมง แล้วพักไว้หนึ่งคืน ก่อนนำไปตากแดดสองวันเต็ม”
แม่แบมเล่าอย่างภาคภูมิใจ ปลาที่ได้เนื้อออกสีทองอ่อน มีกลิ่นหอม ไม่คาว และไม่ใส่ผงชูรส คือรสแท้จากธรรมชาติที่ถ่ายทอดต่อกันมา
ปลาตากแห้งบนเวทีโลก
ความพยายามของชุมชนและนักวิจัยไม่ได้หยุดอยู่เพียงในหมู่บ้าน ผลิตภัณฑ์ปลาตากแห้งน้ำสงครามยังได้ไปจัดแสดงในงาน Food & Hospitality Thailand (FHT) ปี 2567 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทำให้เรื่องเล่าของสายน้ำเล็ก ๆ แห่งนี้ก้าวไปสู่เวทีสากล
ระหว่างวิถีชีวิตกับการอนุรักษ์
ปลาตากแห้งจากลุ่มน้ำสงครามไม่ใช่แค่สินค้า หากแต่เป็นตัวแทนของความพยายามรักษาสมดุลระหว่าง “การยังชีพ” กับ “การอนุรักษ์” ทุกเกล็ดปลา ทุกแดดที่ตาก คือตัวตนของชุมชนที่ผูกพันกับแม่น้ำสายนี้มาเนิ่นนาน และกำลังหาทางให้มันดำรงอยู่ต่อไปได้อย่างยั่งยืน
จากครัวชาวบ้านสู่ครัวไฟน์ไดนิ่ง
สิ่งที่น่าทึ่งคือ จากปลาตากแห้งที่ชาวบ้านทำกันมานาน ขณะนี้ถูกต่อยอดด้วยงานวิจัย จนเกิดเป็นเมนูอาหารที่ไม่แพ้ครัวระดับไฟน์ไดนิ่ง “ปลาแห้งผลไม้รวม จากปลาปีกไก่” เนื้อปลาแห้งเค็มน้อย คลุกเคล้ากับผลไม้รสหวานอมเปรี้ยว กลายเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่สร้างรสสัมผัสแปลกใหม่ หรือ “ข้าวผัดพริกแกงปลารากกล้วย” ปลารากกล้วยตากแห้งถูกฉีกเป็นเส้น คลุกเคล้ากับข้าวร้อน ๆ และเครื่องแกงพื้นบ้าน กลิ่นหอมพริกแกงกับเนื้อปลากรุบหนึบ กลายเป็นจานที่คนเมืองต้องเหลียวมอง
เมนูเหล่านี้สะท้อนว่า “วิถีบ้านนา” ก็สามารถยกระดับสู่ “ครัวโลก” ได้ หากได้รับการต่อยอดอย่างเหมาะสม
รสชาติที่ไม่ใช่แค่ความอร่อย
ปลาตากแห้งลุ่มน้ำสงครามจึงไม่ใช่เพียงอาหาร แต่เป็นเรื่องราวของคนที่หวงแหนสายน้ำ เป็นรสชาติของการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลระหว่างธรรมชาติและการยังชีพ ทุกชิ้นปลาที่แห้งกรอบบนราวไม้ไผ่ ไม่เพียงแต่หอมแดด หอมเกลือ หากยังหอมความทรงจำของบ้านเกิด และเป็นสัญลักษณ์ว่าลุ่มน้ำสงครามจะยังคงหล่อเลี้ยงผู้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าต่อไป
เรื่องราวของ “ปลาตากแห้งลุ่มน้ำสงคราม” ไม่ได้สะท้อนเพียงภาพของอาหารพื้นบ้าน แต่คือกระจกที่สะท้อนให้เห็น ความผูกพันระหว่างคนกับสายน้ำ และการพัฒนาที่ก้าวไปพร้อมกับการรักษาภูมิปัญญาเดิมเอาไว้ จากอดีตที่ปลาสดจำนวนมากไหลออกสู่พ่อค้าคนกลาง วันนี้งานวิจัยเข้ามาสร้างระบบตลาดใหม่ ทำให้รายได้หมุนเวียนกลับมาสู่ครอบครัวชาวประมงโดยตรง เกิดการจัดการร่วมกันระหว่าง 5 พื้นที่ พร้อมทั้งมีการคืนกำไรบางส่วนไปยัง “กองทุนอนุรักษ์พันธุ์ปลา” เพื่อรักษาสมดุลของธรรมชาติ เหนือสิ่งอื่นใด การกลับมาของคนรุ่นใหม่อีกหลายคน คือสัญญาณว่า บ้านเกิดยังมีคุณค่า และสามารถเป็นแหล่งทำมาหากินที่มั่นคงได้ ความรู้สมัยใหม่และภูมิปัญญาเก่าจึงถักทอเป็นพลังใหม่ของชุมชน
จากราวไม้ไผ่หน้าบ้าน สู่เวทีแสดงสินค้าในกรุงเทพฯ และต่อยอดเป็นเมนู Fine Dining ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้บริโภค ปลาตากแห้งแห่งลุ่มน้ำสงครามกำลังพิสูจน์ว่า หากชุมชนเชื่อมั่นในทุนวัฒนธรรมและทรัพยากรของตนเอง สิ่งเล็ก ๆ ก็สามารถเติบใหญ่ และก้าวไปไกลในระดับโลกได้
“รสชาติปลาตากแห้ง” ไม่ได้หอมเพียงแดดและเกลือ แต่หอมหวานด้วยความหวังของชุมชนที่เลือกจะเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับสายน้ำสงคราม
ภาพ/เรื่อง : พัฒนะ พิมพ์แน่น
EN
CHN
VN
















