รอบรั้วกันเกรา

  • Home
  • รอบรั้วกันเกรา
  • [Scoop] จากปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์อีสานตอนบน สู่การผลักดัน “โครงการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ ม.นครพนม”

[Scoop] จากปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์อีสานตอนบน สู่การผลักดัน “โครงการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ ม.นครพนม”

นายพัฒนะ พิมพ์แน่น 2025-05-07 18:21:38 439

[Scoop] จากปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์อีสานตอนบน สู่การผลักดัน “โครงการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ ม.นครพนม”

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของไทย ถือเป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลทั่วไปที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองใหญ่ ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วย และเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาระบบสาธารณสุขในภูมิภาค

ข้อมูล จากกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ภาคอีสานตอนบนมีจำนวนแพทย์ต่อประชากรต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศอย่างชัดเจน โดยเฉลี่ยมีแพทย์ประมาณ 1 คนต่อประชากร 4,000–5,000 คน ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ คือ 1 คนต่อประชากร 900-1,000 คน นอกจากนี้ ยังพบว่าบางจังหวัดในภาคนี้มีจำนวนแพทย์ประจำการในโรงพยาบาลชุมชนไม่ถึง 5 คน และมักจะเป็นแพทย์จบใหม่ที่ต้องเวียนกันรับผิดชอบหลายแผนก

ภาระงานที่หนักเกินกำลัง ประกอบกับข้อจำกัดด้านสวัสดิการและโอกาสก้าวหน้าในอาชีพ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แพทย์จำนวนมากเลือกย้ายไปปฏิบัติงานในเมืองใหญ่ หรือภาคเอกชน ส่งผลให้ปัญหาการขาดแคลนในพื้นที่ชนบทยิ่งรุนแรงมากขึ้น


สาเหตุของปัญหามีอยู่ 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. การกระจุกตัวของสถานศึกษาทางการแพทย์ : มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนคณะแพทยศาสตร์ในภาคอีสานมีจำนวนจำกัด ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในจังหวัดขนาดใหญ่ เช่น ขอนแก่น และอุบลราชธานี ส่งผลให้จังหวัดชายขอบ เช่น นครพนม บึงกาฬ และมุกดาหาร ขาดแคลนแหล่งผลิตบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ 2. การกระจายแพทย์ไม่ทั่วถึง : แม้ภาครัฐจะมีโครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในภาคอีสานตอนบน ซึ่งมีจำนวนประชากรจำนวนมากและกระจายตัวในพื้นที่ห่างไกล การดึงดูดให้แพทย์อยู่ในพื้นที่ระยะยาวยังคงเป็นเรื่องท้าทาย และ 3. ข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐาน : โรงพยาบาลในพื้นที่ชนบทยังมีข้อจำกัดในด้านเครื่องมือแพทย์ ระบบส่งต่อ และบุคลากรเสริม เช่น พยาบาล เภสัชกร และนักเทคนิคการแพทย์ ทำให้แพทย์ไม่สามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดความเครียดจากภาระงานสะสม


หากมองเรื่องผลกระทบต่อประชาชน แน่นอนว่าประชาชนในพื้นที่ภาคอีสานตอนบนต้องเผชิญกับการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่ล่าช้าและไม่ครอบคลุม โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรังที่ต้องพึ่งพาการดูแลใกล้บ้านเป็นหลัก ผู้ป่วยจำนวนหนึ่งจำเป็นต้องเดินทางไปรักษาในจังหวัดใหญ่ ซึ่งเพิ่มค่าใช้จ่ายและความลำบากในการเดินทาง ขณะที่ในกรณีฉุกเฉิน เช่น อุบัติเหตุหรือภาวะวิกฤตทางสุขภาพ การขาดแคลนแพทย์และอุปกรณ์ช่วยชีวิตทำให้เกิดความเสี่ยงสูงต่อชีวิตของผู้ป่วย ซึ่งรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามแก้ไขปัญหานี้ผ่านหลายโครงการ อาทิ การจัดตั้งศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาชั้นคลินิกในโรงพยาบาลชุมชน การเพิ่มอัตราค่าตอบแทน การสร้างแรงจูงใจให้แพทย์อยู่ในพื้นที่ และการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ในมหาวิทยาลัยท้องถิ่น เช่น โครงการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม ที่มีเป้าหมายในการผลิตแพทย์เพื่อรับใช้ชุมชนโดยตรง นอกจากนี้ ยังมีการผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลในพื้นที่กับมหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาโรงพยาบาลให้เป็นแหล่งฝึกอบรมแพทย์ พร้อมทั้งสร้างระบบการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่ครอบคลุมทั้งการรักษา ส่งเสริมสุขภาพ และการดูแลในชุมชน


ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รุ้งลาวัลย์ เอี่ยมกุศลกิจ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษและประกันคุณภาพการศึกษา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบุคคลในคณะกรรมการที่พยายามผลักดันให้เกิดการจัดตั้งโครงการคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม โดยระบุว่า การดำเนินงานมีความพร้อมและชัดเจนเป็นอย่างมาก ทุกภาคส่วนรับทราบถึงแนวทางการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็น พี่เลี้ยงแพทย์ของโรงพยาบาลใกล้เคียง,  สถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข, หน่วยงานต้นสังกัด กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) หรือแม้กระทั่งคณะรัฐมนตรี ก็ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว

โดยเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 มหาวิทยาลัยนครพนม ได้เชิญ สถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมประชุมพร้อมเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการ (LAB) เพื่อเตรียมความพร้อม และมีการพูดคุยหารือกับโรงพยาบาลที่เป็นแหล่งฝึกของนักศึกษาแพทย์ อย่างเช่น โรงพยาบาลนครพนม ซึ่งทางโรงพยาบาลมีความยินดีในความร่วมมือ รวมถึงคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ของสถาบันพระบรมราชชนก ที่พร้อมสนับสนุนการดำเนินภารกิจ


ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รุ้งลาวัลย์ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า การที่สถาบันพระบรมราชชนกเข้ามาเยี่ยมชมในพื้นที่ ได้เห็นความตั้งใจของมหาวิทยาลัยนครพนมในการผลิตแพทย์ให้กับพื้นที่ที่มีความขาดแคลน ซึ่งในพื้นที่อีสานตอนบนของไทยเป็นพื้นที่ที่ขาดแคลนแพทย์ค่อนข้างมาก เช่น ที่จังหวัดบึงกาฬ แพทย์ 1 คน ดูแลประชาชน 6,000 คน หรือ จังหวัดนครพนม แพทย์ 1 คน ดูแลประชาชน 4,000 คน ทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงการให้บริการทางการแทพย์ได้อย่างทั่วถึง จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราผลักดันให้เกิดศูนย์การผลิตแพทย์ เพื่อให้แพทย์กลุ่มนี้หลังสำเร็จการศึกษาไปแล้ว จะได้กลับมาทำงานที่บ้านเกิดซึ่งเป็นภูมิภาคอีสานตอนบน สอดคล้องกับกระทรวงสาธารณสุขที่มีเป้าหมายคล้าย ๆ กัน คือ การผลิตแพทย์ระดับปฐมภูมิ เมื่อผลิตแพทย์แล้วจะส่งไปอยู่ตามโรงพยาบาลชุมชนต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น 

(ระดับปฐมภูมิ คือ การให้บริการพื้นฐานเน้นการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคไม่ให้เจ็บป่วย เพราะส่วนใหญ่คนไทยเป็นโรค NCDs กันเยอะ เช่น โรคที่ไม่มีการติดต่อ เบาหวาน ความดัน โรคไต มะเร็ง เป็นต้น เมื่อมีโรคประจำตัวแล้วก็จะมีการเจ็บป่วยเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา หากเรามีการบริการขั้นปฐมภูมิที่เข้าถึงได้ง่าย ก็จะสามารถควบคุมภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เหล่านี้ได้ และมีอายุที่ยืนยาวขึ้น)


การลงพื้นที่ของสถาบันพระบรมราชชนก ค่อนข้างที่จะเห็นความก้าวหน้าของมหาวิทยาลัย ได้รับคำแนะนำเพิ่มเติมในส่วนต่าง ๆ ได้ทำความเข้าใจกับบุคลากรและทีมแพทย์ที่จะเป็นแหล่งฝึกการสอนชั้นคลินิก (ชั้นปี 4-6) ซึ่งการพูดคุยได้ข้อกระจ่างชัดเจนมากขึ้น

หลักสูตรแพทย์เป็นหลักสูตรที่มีรายละเอียดมากเพื่อให้การผลิตแพทย์มีคุณภาพสูง ใช้งบประมาณของประเทศ ใช้สรรพกำลังของอาจารย์แพทย์ และทุนสมทบของมหาวิทยาลัยในการผลิตแพทย์ให้ได้มาตรฐาน ซึ่งมาตรฐานตรงนี้ต้องเป็นระดับนานาชาติ ไม่เช่นนั้นคณะแพทย์จะไม่สามารถเปิดได้ ปัจจุบันการขออนุญาตเปิดผลิตแพทย์ไม่ใช่แค่รับรองหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิตเท่านั้น ต้องรับรองคณะแพทยศาสตร์ด้วย ถ้าหากทางหน่วยงานประเมินยังไม่รับรองเราจะไม่สามารถจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ได้ นอกจากแพทยสภา ยังมีหน่วยงานที่เรียกว่า สำนักมาตรฐานห้องปฏิบัติการ (สมป.) เป็นผู้ประเมินด้วย มีหลายเกณฑ์ที่ต้องดู รวมถึงมาตรฐานระดับการบริหารระดับคณะ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รุ้งลาวัลย์ กล่าว


ด้าน ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธวัชชัย ศุภดิษฐ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยนครพนม เปิดเผยว่า แพทย์ทั้งหมดในประเทศไทยประมาณ 72,523 คน ส่วนใหญ่จะกระจุกตัวใน กทม. อาจจะด้วยการศึกษา เศรษฐกิจ ค่าตอบแทนที่สูงกว่า จึงทำให้แพทย์ส่วนใหญ่ไปประจำการในเมืองหลวง ปัญหาที่ตามมา คือ การขาดแคลนบุคลากรแพทย์และภาระที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยส่งแพทย์มาบรรจุประจำการในพื้นที่ขาดแคลน แต่ก็ทำให้แพทย์เหล่านี้อยู่ได้ไม่นานต้องย้ายกลับภูมิลำเนาของตนเอง เนื่องจากโรงเรียนแพทย์ที่ผลิตแพทย์ในภาคอีสานตอนบนและอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานเขตสุขภาพที่ 8 ประกอบด้วย อุดรธานี สกลนคร นครพนม หนองคาย เลย หนองบัวลำภู และบึงกาฬ ไม่มีโรงเรียนแพทย์ นั่นคือปัญหาที่ทำให้ไม่มีนักศึกษาแพทย์สำเร็จการศึกษาในพื้นที่

มหาวิทยาลัยนครพนม เป็นมหาวิทยาลัยที่มีความพร้อมในการดำเนินงาน เพราะมีหลักสูตรทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ เช่น วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนครพนม หลักสูตรเทคนิคการแพทย์ และหลักสูตรด้านสาธารณสุข ที่ได้รับการรับรองจากสภาวิชาชีพ โดย ทั้ง 3 หลักสูตรนี้ พร้อมที่จะสนับสนุนหลักสูตรนักศึกษาแพทย์ 


ส่วนแผนการเปิดโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนครพนมนั้น ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธวัชชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า อนาคตอาจต้องมี แต่ ณ ขณะนี้ มหาวิทยาลัยนครพนมจะร่วมมือกับโรงพยาบาลนครพนม โรงพยาบาลยโสธร และโรงพยาบาลเลย ในการผลิตแพทย์ชั้นพรีคลินิก (ปี 1 - ปี 3 เรียนที่มหาวิทยาลัยนครพนม) และชั้นคลีนิก (ปี 4 - ปี 6 เรียนที่โรงพยาบาลแหล่งฝึก) ซึ่งทั้ง 3 โรงพยาบาลที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ปกติเป็นโรงพยาบาลทั่วไป ก็จะถูกยกระดับเป็น “ตติยภูมิระดับสูง” (Excellence Center) หรือโรงพยาบาลศูนย์ตามไปด้วย จะช่วยลดการส่งต่อผู้ป่วย ลดภาระและค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉิน และไม่ต้องถูกส่งไปยังโรงพยาบาลศูนย์ในพื้นที่ใกล้เคียงอีกต่อไป

ในการดำเนินงานที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยนครพนมมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องของหลักสูตรไปแล้วส่วนหนึ่ง และกำลังเตรียมการจัดตั้ง เนื่องจากการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ต้องใช้บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ซึ่งหมายความว่าต้องเพิ่มบุคลากรใหม่ จึงเป็นเหตุผลที่ต้องอาศัยมติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะช่วยในเรื่องของการตั้งงบประมาณและค่าใช้จ่าย เพื่อรองรับการดูแลสุขภาพของประชาชนในภาคอีสานตอนบน พื้นที่จังหวัดใกล้เคียง หรือแม้กระทั่งการให้บริการแก่ประเทศเพื่อนบ้าน


ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธวัชชัย สะท้อนเหตุผลความสำคัญของการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ ว่า ค่าเฉลี่ยอายุของคนไทยปัจจุบันอยู่ที่ 78.1 ปี (เพศชาย: อายุขัยเฉลี่ย 73.5 ปี เพศหญิง: อายุขัยเฉลี่ย 80.5 ปี) ในขณะที่ประชากรภาคอีสานตอนบนมีอายุเฉลี่ยเพียง 70.5 ปี การเสียชีวิตที่เร็วเกินไปทำให้ขาดเสาหลักของครอบครัว เพราะปัจจุบันคนเราสามารถทำงานได้ถึง อายุ 75-80 ปี หากมีวิทยาศาสตร์สุขภาพที่ดี คาดว่าประชาชนในภาคอีสานจะมีอายุที่ยืนยาวขึ้น และนั่นคือเจตนารมณ์ของการดำเนินงานจัดตั้งโครงการคณะแพทยศาสตร์ขึ้นมา ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธวัชชัย กล่าว

ขณะที่ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถานที่อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 ที่จังหวัดนครพนม มีมติเห็นชอบในหลักการ “โครงการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม” ตามที่กระทรวง อว. เสนอ เพื่อให้เป็นสถาบันการผลิตแพทย์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ซึ่งโครงการนี้จะช่วยลดการขาดแคลนแพทย์ในพื้นที่ ลดความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบการบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึง สามารถผลิต และพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขที่มีคุณภาพ รองงรับความต้องการด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นในอนาคตได้


น.ส.ศุภมาส กล่าวว่า โครงการนี้มหาวิทยาลัยนครพนมจะร่วมกับสำนักงานปลัดกระทรวง อว. โดยใช้ระยะเวลาดำเนินการ 10 ปี (พ.ศ.2570 – 2579) ในวงเงินงบประมาณ 2,398,484,400 บาท ซึ่งจะมีการจัดทำหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต บรรจุอาจารย์แพทย์ อาจารย์สาขาที่เกี่ยวข้องและบุคลากรสายสนับสนุนให้พร้อมดำเนินการคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม ตามกรอบอัตรากำลังที่เสนอขอพัฒนาอาจารย์ และบุคลากรให้มีความพร้อมและมีสมรรถนะตามมาตรฐานวิชาชีพ ก่อสร้างอาคารเรียน หอพักนักศึกษาแพทย์ อาคารชุดพักอาศัยบุคลากรทางการแพทย์ และอาคารศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาชั้นคลินิก ทั้ง 3 แห่ง ที่โรงพยาบาลนครพนม โรงพยาบาลยโสธร และโรงพยาบาลเลย รวมถึงการขอรับรองหลักสูตรและสถาบันจากแพทยสภาและสถาบัน IMEAc


รมว.อว. ระบุว่า การเทียบสัดส่วนจำนวนแพทย์ต่อจำนวนประชากรทั่วประเทศไทย ในปี 2567 พบว่า มีจำนวนแพทย์ในประเทศทั้งหมด 72,523 คน มีประชากรทั้งหมด 65,951,210 คน มีสัดส่วนแพทย์ต่อประชากรเท่ากับ 1 ต่อ 909 คน ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งมีจำนวนแพทย์เท่ากับ 34,715 คน ส่วนต่างจังหวัดมีแพทย์รวมแล้ว 37,808 คนเท่านั้น ทำให้ต่างจังหวัดยังขาดแคลนแพทย์อย่างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน โครงการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม จึงถือเป็นความจำเป็นอย่างมาก เพื่อผลิตแพทย์ในพื้นที่ภาคอีสานตอนบนแล้วกลับมาทำงานในพื้นที่ที่มีความขาดแคลน ซึ่งตั้งเป้าว่าจะเปิดรับนักศึกษาแพทย์รุ่นแรก จำนวน 36 คน ในปีการศึกษา 2571 นี้


สถานการณ์การขาดแคลนแพทย์ในภาคอีสานตอนบนเป็นปัญหาเรื้อรังที่ต้องการการแก้ไขอย่างเป็นระบบและยั่งยืน การลงทุนในระบบการผลิตบุคลากร การกระจายแพทย์อย่างทั่วถึง และการเสริมสร้างขีดความสามารถของโรงพยาบาลในพื้นที่ชนบท จะเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในภูมิภาค และลดความเหลื่อมล้ำทางสาธารณสุขของประเทศในระยะยาว

ข่าว/บทความ : พัฒนะ พิมพ์แน่น

HOT LINK