รอบรั้วกันเกรา

  • Home
  • รอบรั้วกันเกรา
  • ม.นครพนม ร่วมติดอาวุธความรู้ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ #2

ม.นครพนม ร่วมติดอาวุธความรู้ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ #2

นายพัฒนะ พิมพ์แน่น 2024-11-15 08:39:34 466

ม.นครพนม ร่วมติดอาวุธความรู้ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ #2

ในยุคที่มีการเติบโตทางด้านเทคโนโลยีค่อนข้างสูงคงปฏิเสธไม่ได้ที่จะไม่เคยได้ยิน คำว่า “ไซเบอร์” ไม่ว่าจะเป็น ข่าว หรือสื่อสังคมออนไลน์ มักจะปรากฏคำนี้ให้เห็นหรือได้ยินเป็นประจำ และมีหลายคนให้ความหมายคล้าย ๆ กัน วันนี้พามารู้จัก คำว่า “ไซเบอร์” ในบริบทที่เข้าใจง่าย ๆ ของบทความนี้กันครับ


“ไซเบอร์” (Cyber) เป็นคำที่ใช้พูดถึงเทคโนโลยีดิจิทัล เครือข่ายคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และระบบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงโลกเสมือนที่เกิดจากเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อกันในรูปแบบดิจิทัล คำว่า "ไซเบอร์" ได้รับความนิยมขึ้นอย่างมากในช่วงยุคที่อินเทอร์เน็ตเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน ทำให้เกิดคำศัพท์ใหม่ขึ้นมา เช่น "Cyber Crime" การกระทำผิดกฎหมายโดยใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเครื่องมือ , “Cyber Bully” การกลั่นแกล้ง หรือการรังแกผู้อื่นทางสื่อสังคมต่าง ๆ เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น X) เป็นต้น นอกจากนี้ “ไซเบอร์” ยังรวมถึงเรื่องของการรักษาความปลอดภัยข้อมูล หรือ "Cybersecurity" ที่เกี่ยวกับการป้องกันระบบและข้อมูลจากการถูกโจมตีหรือการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนสร้างผลกระทบให้แก่ผู้เสียหายจำนวนมาก ทั้งในระดับบุคคล หน่วยงาน-องค์กร และประเทศชาติ จากข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอัปเดตสถิติการแจ้งความออนไลน์ของผู้เสียหาย ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 – 31 กรกฎาคม 2567 พบยอดแจ้งความสะสมมากถึง 612,603 เรื่อง โดยใน 14 ประเภทนี้เป็นคดีหลอกซื้อขายสินค้าออนไลน์มากที่สุด และยังพบว่าประเทศไทยติดอันดับที่มีอาชญากรรมทางออนไลน์ ติดอันดับ 6 ของโลก (อินเดีย ไนจีเรีย ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐฯ ออสเตรเลีย ไทย)


ด้วยเหตุนี้ จึงมีกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ จากสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ และหน่วยงานในเครือข่าย เพื่อให้ความรู้และการป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากไซเบอร์ในอนาคต โดยดึงนักเรียน เยาวชน นักศึกษา ผู้พิการ ผู้แทนหน่วยงาน-องค์กร และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมรับฟัง ที่ห้อง Eternity Conference Center โรงแรมแม่โขงเฮอริเทจ อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งการจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 (ครั้งที่ 1 จ.เชียงใหม่) และจะเดินสายจัดกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้ให้ครบทุกภูมิภาค


สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (National Cybersecurity Agency) ตัวย่อภาษาอังกฤษ NCSA ตัวย่อภาษาไทย สกมช. จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2562 ตาม พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 ต่อมาในปี 2565 ได้จัดโครงการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะด้านไซเบอร์เป็นระดับพื้นฐานและระดับเชี่ยวชาญ เพื่อยกระดับความรู้ ความสามารถ การป้องกัน รับมือ และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามไซเบอร์ นั่นหมายความว่า สกมช. เริ่มมีบทบาทในด้านศักยภาพเต็มรูปแบบได้เพียง 3 ปี 


สำหรับภารกิจหลักของ สกมช. มีการดำเนินงานภายใต้ 4 ภารกิจหลัก เพื่อสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้กับประเทศ ได้แก่ การป้องกัน (พัฒนาระบบป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ และเสริมสร้างความตระหนักรู้ด้าน Cybersecurity ให้กับประชาชนและองค์กร การตรวจจับ (เฝ้าระวังและตรวจจับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นกับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ และระบบสารสนเทศของประเทศ) การรับมือ (ประสานงานและสนับสนุนการรับมือกับเหตุการณ์ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์) และ การฟื้นฟู (ช่วยเหลือและให้คำแนะนำในการฟื้นฟูระบบที่ได้รับผลกระทบจากภัยคุกคามทางไซเบอร์) 


ส่วนความสำคัญที่มีต่อภาคธุรกิจและประชาชน คือ การสร้างมาตรฐาน (กำหนดมาตรฐานและแนวทางปฏิบัติด้าน Cybersecurity ที่องค์กรต่าง ๆ สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการป้องกันและรับมือกับภัยคุกคาม) การให้ความรู้ (จัดอบรม สัมมนา และเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ Cybersecurity เพื่อสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจให้กับประชาชนและองค์กร) การประสานงาน (ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ในการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์) และ การพัฒนาบุคลากร (ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรด้าน Cybersecurity เพื่อรองรับความต้องการของประเทศ)


อาจารย์นรินทร์ฤทธิ์ เปรมอภิวัฒโนกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถิติ 14 คดีออนไลน์ที่คนไทยโดนหลอกมากที่สุด (ปี 2565 - 2567) พบว่า หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการไม่เป็นขบวนการ 296,042 คดี หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงาน 82,162 คดี หลอกให้กู้เงิน 63,878 คดี หลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ 45,787 คดี ข่มขู่ทางโทรศัพท์ (Call Center) 42,404 คดี หลอกเป็นบุคคลอื่นเพื่อยืมเงิน 25,344 คดี และ หลอกให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล 22,342 คดี พร้อมกันนี้ ยังมีข้อมูลอาชญากรรมทางไซเบอร์ (1 มิถุนายน 2565 - 30 มิถุนายน 2567) ถูกแจ้งความออนไลน์มากถึง 575,507 เรื่อง โดยกลุ่มวัยทำงาน อายุ 30-44 ปี ตกเป็นเหยื่อมากที่สุด ซึ่งเหยื่อที่เป็นผู้หญิง พบในอัตราร้อยละ 64 และเหยื่อที่เป็นผู้ชาย พบในอัตราเพียงร้อยละ 36 

อาจารย์นรินทร์ฤทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันภัยไซเบอร์มีหลากหลายรูปแบบ นอกจากการมีสติที่ดีอยู่กับตัวเอง สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้อง “คิด” ก่อน “คลิ๊ก” เสมอ โดยเฉพาะจำพวกลิงก์ต่าง ๆ ในแอพพลิเคชั่น หรือเว็บไซต์ 


นาวาเอกหญิง ศิริเนตร รักษ์วงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ กล่าวว่า ใน 1 ปี พบสถิติคุกคามทางไซเบอร์มากถึง 1,827 เหตุการณ์ ส่วนใหญ่เป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นของหน่วยงานราชการ แม้จะรู้วิธีรับมือก็ไม่สามารถป้องกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่การรู้เท่าทันเป็นการป้องกันได้ระดับหนึ่ง สกมช. จึงต้องมีแผนดำเนินงาน ขยายความร่วมมือด้านเครือข่ายจัดการกับภัยคุกคาม พัฒนาศักยภาพบุคลากรอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการแต่งตั้งพนักงานและเจ้าหน้าที่ไซเบอร์ ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 เป็นเครือข่ายประจำจังหวัด เพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ให้ถึงประชาชนมากที่สุด


การปฏิบัติตามมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (ห้วงเดือนตุลาคม 2566-เดือนกันยายน 2567) สกมช. มี การปฏิบัติตามมาตรการเชิงรุก ได้แก่ การแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ จำนวน 90 รายงาน , การเผยแพร่ข้อมูลภัยคุกคามทางไซเบอร์และข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ จำนวน 449 รายงาน และการทดสอบความปลอดภัยของระบบเครื่องแม่ข่ายและเว็บไซต์ จำนวน 111 หน่วยงาน การปฏิบัติตามมาตรการเชิงรับ ได้แก่ การแจ้งเตือนเหตุการณ์และให้คำแนะนำในการแก้ไขปัญหา จำนวน 1,827 หน่วยงาน และการตอบสนองและรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ จำนวน 38 หน่วยงาน รวมถึง การบริหารด้านการจัดการคุณภาพ ได้แก่ สร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ จำนวน 78 ครั้ง ซึ่งมีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้นกว่า 9,000 คน


นอกจากการปฏิบัติตามมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่ผ่านมา สกมช. เข้าร่วมการประชุม The Second Joint Coordinating Committee (JCC) Meeting เพื่อหารือและติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงานของ ASEAN-Japan Cybersecurity Capacity Building Center (AJCCBC)  ระหว่างเดือนกันยายน 2566 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 พร้อมหารือถึงแผนงานที่จะขับเคลื่อนการดำเนินงานในระหว่างเดือนมีนาคม 2567 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 โดยเน้นย้ำถึงการเพิ่มจำนวนผู้เข้าร่วมอบรมให้มากขึ้นจากเดิม และมุ่งมั่นที่จะสร้างเครือข่ายระดับสากลผ่านการดำเนินงานของกิจกรรมต่าง ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น


การดำเนินงานของ ASEAN-Japan Cybersecurity Capacity Building Center ภายใต้ความร่วมมือของประเทศไทย ญี่ปุ่น และประเทศสมาชิกอาเซียน เปิดเผยถึงความสำเร็จในรอบปีที่ผ่านมาว่า มีบุคลากรในอาเซียนเข้าร่วมมากกว่า 260 คน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างความรู้และทักษะใหม่ ๆ ในยุคดิจิทัล ผลงานที่สำคัญของ AJCCBC ไม่ว่าจะเป็นการจัดสัมมนา การอบรมเชิงปฏิบัติการ และโครงการที่เน้นการสร้างศักยภาพด้าน Cybersecurity ให้แก่ผู้เข้าร่วม เป็นการเพิ่มความเข้าใจและเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนในการรับมือกับภัยคุกคามในโลกไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการสนับสนุนจากประเทศญี่ปุ่นกับความร่วมมือประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพ และการมีส่วนร่วมของประเทศสมาชิกอาเซียน ทำให้ AJCCBC กลายเป็นศูนย์กลางที่สำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมความรู้ด้าน Cybersecurity ในภูมิภาค โดยมุ่งเน้นการสร้างและแบ่งปันความรู้ การพัฒนาทักษะ และการเพิ่มความสามารถในการรับมือกับความท้าทายในโลกไซเบอร์ ส่วนช่วงเวลาที่เหลือของปี AJCCBC มีแผนที่จะขยายการฝึกอบรมและสัมมนา เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้าน Cybersecurity ของอาเซียน และยังคงเดินหน้าสนับสนุนการสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยสำหรับทุกคนในภูมิภาคอีกด้วย


ด้าน นางสงวน มะเสนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า เรื่องความปลอดภัยของไซเบอร์เป็นสิ่งจำเป็น เพราะปัจจุบันความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีมาควบคู่กันเสมอกับความก้าวหน้าในการพัฒนา แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรละเลย คือ ผลกระทบที่เป็นด้านลบ หากทุกคนติดตามข่าวสารจะเห็นว่าอาชญากรรมทางไซเบอร์มีการแพร่ระบาดไปทั่วทุกแห่ง และพร้อมถูกโจมตีได้ตลอดเวลา เวทีนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ชาวนครพนมจะได้รับความรู้เท่าทันการใช้เทคโนโลยี และผลกระทบที่ตามมา ไม่ว่าจะเป็นภัย ระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง สิ่งเหล่านี้หวังว่าผู้เข้าร่วมอบรมจะได้นำความรู้ไปสื่อสาร เผยแพร่กับพี่น้องชาวนครพนม ให้ใช้ความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีได้อย่างปลอดภัย นางสงวน กล่าว


ทั้งนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รุ้งลาวัลย์ เอี่ยมกุศลกิจ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษและประกันคุณภาพการศึกษา พร้อมบุคลากร และนักศึกษา มหาวิทยาลัยนครพนม เข้าร่วมอบรมกว่า 100 คน

ภาพ : ประชาสัมพันธ์การเกษตรและสหกรณ์ นครพนม/สวท.นครพนม FM 90.25 MHz

บทความ : พัฒนะ พิมพ์แน่น

HOT LINK