Nakhon Phanom University Journal
ถอยกลับ
นวัตกรรมการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความสัมพันธ์ ไทย ลาว เวียดนาม ภายใต้บริบทลุ่มน้ำโขงตอนกลาง |
|
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาบริบทแหล่งท่องเที่ยว 2. สร้างเส้นทางท่องเที่ยว และ 3. สร้างนวัตกรรมการประชาสัมพันธ์เพื่อเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความสัมพันธ์ระหว่างไทย ลาว เวียดนาม โดยระเบียบวิจัยแบบผสานวิธี เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบวิเคราะห์ความสัมพันธ์ แบบสัมภาษณ์เชิงลึก แบบประเมินคุณภาพสื่อนวัตกรรม และแบบประเมินความพึงพอใจ ผู้วิจัยยังได้ใช้กระบวนทัศน์ทางด้านมานุษวิทยาเพื่อศึกษาความทรงจำร่วมของคนพลัดถิ่นและความสัมพันธ์ของผู้คนในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตอนกลาง กลุ่มเป้าหมายในการศึกษาบริบทแหล่งท่องเที่ยวและการสร้างเส้นทางท่องเที่ยว ได้แก่ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญจำนวน 24 คน โดยใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง กลุ่มเป้าหมายในการสร้างสื่อนวัตกรรมประชาสัมพันธ์ฯ ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อนวัตกรรมจำนวน 5 คน โดยวิธีเลือกแบบเจาะจง และกลุ่มตัวอย่างในการประเมินความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวที่มีต่อนวัตกรรมการประชาสัมพันธ์ฯ ได้แก่ นักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวในนครพนมจำนวน 398 คน โดยการเลือกแบบบังเอิญ ผู้วิจัยใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า บริบททางประวัติศาสตร์ที่สามารถนำมาเชื่อมโยงเป็นเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ ได้แก่ พื้นที่ประวัติศาสตร์การเคลื่อนไหวของโฮจิมินห์ และ พื้นที่แห่งความทรงจำในการอพยพเคลื่อนย้ายของผู้คนในลุ่มน้ำโขงตอนกลาง สำหรับนวัตกรรมเส้นทางการท่องเที่ยวแบบใหม่ที่มีจุดหมายปลายทางเดียวกัน มีการเชื่อมโยงทางด้านเนื้อหาประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความสัมพันธ์ระหว่างไทย ลาว เวียดนามสามารถแบ่งเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ เส้นทางท่องเที่ยวภายในประเทศ (1 วัน) และ เส้นทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศ (2 วัน) สำหรับการสร้างนวัตกรรมประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวฯ พบว่าวิธีการที่เหมาะสมและสามารถเข้าถึงได้ง่ายคือการนำเสนอด้วยแผ่นพับและโปสเตอร์ 2 ภาษา (ไทย-เวียดนาม) โดยใช้เทคโนโลยี QR-code ร่วมกับวีดีทัศน์ ทั้งนี้ ผลการประเมินคุณภาพสื่อนวัตกรรมประเภทแผ่นพับประชาสัมพันธ์อยู่ในระดับมากที่สุด ผลการประเมินคุณภาพสื่อนวัตกรรมประเภทโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์อยู่ในระดับมาก สำหรับความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวที่มีต่อนวัตกรรมประเภทแผ่นพับฯ และโปสเตอร์ฯ อยู่ในระดับมากที่สุด |
|
The purposes of this research were to; 1) study the context of tourist attractions, 2) create tourist routes, and 3) create innovative public relations that consolidate historical and cultural tourist attractions as well as strengthen the relationships between Thailand, Laos, and Vietnam. The research employed mixed methods with various research tools including; correlation analysis forms, in-depth interviews, Innovation eMedia Quality Assessment form, and satisfaction assessment form. The anthropological approach was also applied to explore migrants' collective memories and the relationships between people living in the Middle Mekong River Basin. The target groups for the first two objectives were 24 key informants who were purposely selected. The target groups for the third objectives were 5 key informants and the sample group for the third objective was 398 tourists that visited Nakhon Phanom province, who were selected by the Accidental Sampling method. Data analysis utilizes mean average, standard deviation, and content analysis. The results showed that Ho Chi Minh’s movements in the area and the shared migratory memory of people in the central Mekong basin were the historical contexts used to construct a new tourist route. The innovative new tourism route or the Single Destination concept which amalgamates history, culture, and the relationship between Thailand, Laos, and Vietnam can be categorized into 2 alternatives which are; domestic routes (1 day)and international travel routes (2 days). Bilingual brochures and posters in Thai and Vietnamese are the most suitable and easily available innovative promotional materials. The promotions also incorporated QR-code technology and video presentations. Quality assessments of promotional media affirmed that brochures received the highest level of satisfaction, whereas the posters received a high level of satisfaction. As per tourists, satisfaction, the brochures and posters received the highest level of satisfaction. |
| Download Full Paper: |
สุริยา คำหว่าน และ วัชรี แซงบุญเรือง