Archives

คุณภาพชีวิตการทำงานของบุคลากรสายสนับสนุนมหาวิทยาลัยเอกชน ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
Quality of Working Life of Support Staff in Private Universities in the Bangkok Metropolitan Region

[เปิดดู 132 ครั้ง]

ธนาวุฒิ ประกอบผล

    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับคุณภาพชีวิตการทำงานของบุคลากรสายสนับสนุนมหาวิทยาลัยเอกชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 2) เปรียบเทียบลักษณะทางประชากรศาสตร์กับคุณภาพชีวิตการทำงานของบุคลากรสายสนับสนุนมหาวิทยาลัยเอกชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กลุ่มตัวอย่างเป็นบุคลากรสายสนับสนุนมหาวิทยาลัยเอกชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 332 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามคุณภาพชีวิตการทำงานซึ่งผ่านการหาคุณภาพด้วยการตรวจสอบดัชนีความสอดคล้องของข้อคำถามมีค่าอยู่ระหว่าง 0.67–1.00 และหาค่าความเชื่อมั่นด้วยค่าสัมประสิทธิ์อัลฟา ของครอนบาค มีค่าเท่ากับ 0.88 จากนั้นวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ได้แก่ t-test for Independent-Samples และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA)
   ผลการวิจัยพบว่า 1) คุณภาพชีวิตการทำงานของบุคลากรสายสนับสนุนมหาวิทยาลัยเอกชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีคุณภาพชีวิตการทำงานโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสังคมอยู่ในระดับมาก ด้านค่าตอบแทนที่เพียงพอและเป็นธรรม ด้านสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยและส่งเสริมสุขภาพ ด้านการพัฒนาความสามารถของบุคคล ด้านความก้าวหน้าและความมั่นคงในงาน ด้านการบูรณาการ ด้านสังคม ด้านธรรมนูญในองค์การและด้านความสมดุลระหว่างชีวิตงานกับชีวิตด้านอื่นอยู่ในระดับปานกลาง 2) บุคลากรสายสนับสนุนมหาวิทยาลัยเอกชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่มีระดับการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน รายได้ต่อเดือนต่างกันมีระดับคุณภาพชีวิตการทำงานแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนเพศ และอายุที่ต่างกันมีระดับคุณภาพชีวิตการทำงานไม่แตกต่างกัน

   This research aims 1) to study levels of the quality of working life of support staff in private universities in the Bangkok Metropolitan region, and 2) to compare demographic characteristics and quality of working life of support staff in private universities in the Bangkok Metropolitan region. The sample consisted of support staff of 332 people in private universities in the Bangkok Metropolitan region. The instrument used in collecting data was a working life questionnaire which had indexes of item-objective congruence (IOC) ranging between .67 and 1.00 and Cronbach alpha reliability coefficient equal to .88. And then the data were analyzed by using frequency, percentage, mean, and standard deviation. Statistics used in hypothesis testing were t-test for independent samples, and One-way ANOVA.
   The results showed as follows: 1) Quality of working life of support staff in private universities in the Bangkok Metropolitan region as a whole was at moderate level. When considering each aspect, the aspect of social relationship was at high level. Other aspects of adequate and fair compensation, safe and healthy environment, developing the capacity of individuals, advancement and job security, integration, social, statue in the organization, and work-life balance were at moderate level. 2) Support staff in private universities in the Bangkok Metropolitan region whose educational attainments , working experiences, and incomes per month were different had a statistically significant difference in working life at the .05 level, while those who were different in sex and age did not have a difference in quality of working life.